ธรรมะน่ารู้ ในเรียนรู้ธรรมะไปกับแม่หมอวันนี้จะพาเพื่อนๆไปรู้จักกับหลักธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ที่ชื่อว่า สังคหวัตถุ4 ค่ะ หรือที่เรียกว่าเป็นพุทธวิธีครองใจคนนั่นเอง ..... สังคหวัตถุ ตามความหมายแปลว่า วิธีสงเคราะห์ หมายถึง วิธีปฏิบัติเพื่อยึดเหนี่ยวน้ำใจคนอื่น........ สังคหวัตถุ4 เป็นหลักธรรมที่สอนให้คนรุ้จักการผูกไมตรี เอื้อเฟื้อ เกื้อกูลสงเคราะห์ซึ่งกันและกัน ทำให้เกิดความเคารพรักใคร่นับถือ เกรงอกเกรงใจกัน ซึ่งก็จะทำให้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ..... สังคหวัตถุ4 จึงเป็นธรรมะที่จะทำให้คนรอบข้างรักเรา พระพุทธเจ้าทรงสอนให้เราปรับที่ตัวของเราเอง ซึ่งเป็นการปฏิบัติเพิ่อยึดเหนี่ยวน้ำใจซึ่งกันและกันนั่นเองค่ะ
สังคหวัตถุ4ประกอบด้วย.... ทานคือการให้ .... ปิยวาจาคือการพูดถ้อยคำที่ทำให้คนรัก.... อัตถจริยาคือ การทำตัวให้เป็นประโยชน์ .... สมานัตตาคือการวางตนให้สม่ำเสมอ ...... ส่วนความหมายโดยละเอียดแต่ละหัวข้อเป็นอย่างไรเราไปดูกันเลยค่ะ
1. ทาน คือ การให้ ได้แก่ การเสียสละ การเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ การแบ่งปันช่วยเหลือกัน การให้ทานเป็นการขจัดกิเลส ลดความตระหนี่ของจิตใจลง เป็นการชำระจิตใจให้สะอาดยกระดับจิตใจให้สูงขึ้น และการให้ทาน ยังเป็นการยึดเหนี่ยวน้ำใจคนอื่น ซึ่งเน้นที่การแสดงอัธยาศัยไมตรีมากกว่าความมากหรือน้อยของวัตถุที่ให้ .......... การให้ทานมีหลายประเภทนะคะ การให้วัตถุสิ่งของเรียกว่า อามิสทาน ..... การให้ความรู้ เรียกว่าวิทยาทาน แต่ถ้าให้ความรู้ทางธรรมก็เรียก ธรรมทานค่ะ ........... นอกจากนี้ยังมีการให้ที่สำคัญมากอีกอย่างหนึ่ง นั่นก็คือ การให้อภัย ไม่ถือโกรธเคืองกัน มีจิตเมตตา ที่เรียกว่าอภัยทานค่ะ
2 .ปิยวาจา คือการพูดถ้อยคำที่ทำให้คนรัก ได้แก่ การพูดคำสุภาพ อ่อนหวาน เพื่อให้เกิดความสมานสามัคคี ปิยวาจาทำได้ง่าย เพราะวาจานั้นมีในตัวเรา เพียงเรามีสติ มีเมตตาในใจก็สามารถพูดออกมาได้ ..... พระพุทธเจ้า ทรงให้หลักการพูดไว้ดังนี้ค่ะ 1.ต้องเป็นคำพูดที่จริง 2.เป็นคำสุภาพ ไพเราะอ่อนหวาน 3.พูดแล้วก่อให้เกิดประโยชน์ 4.พูดด้วยจิตเมตตา 5.พูดถูกกาลเทศะ คือ ถูกเวลาและสถานที่
..... นอกจากการพูดจาไพเราะแล้ว จะต้องมีหางเสียงด้วยนะคะ....... ในกรณีที่เราจำเป้นต้องติเพื่อก่อ ก็มีหลักดังนี้ค่ะ เลือกจังหวะให้เหมาะสมดูเวลาและอารมณ์ให้ดี ชมก่อนแล้วค่อยเตือน ยิ้มก่อนติ ต้องเป็นเรื่องจริง และต้องเป็นเรื่องที่เกิดประโยชน์นะคะ
3.อัตถจริยา คือการทำตนให้เป็นประโยชน์ หมายถึง การบำเพ็ญประโยชน์ช่วยเหลือกันและกันในวงแคบ และบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ในวงกว้าง ..... หลักธรรมข้อนี้มุ่งสอนให้คนพัฒนาตน 2 ด้าน คือ การทำตนให้เป็นประโยชน์ และทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ การทำตนให้เป็นประโยชน์ หมายถึง ทำตนให้มีคุณค่าในสังคมที่ตนอาศัยอยู่ ..... ส่วนทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ ก็คือทำหน้าที่ของตนให้ดี เช่นตั้งใจเรียน เป็นลูกที่ดี เป็นคนที่ดีของสังคม
4 .สมานัตตตา คือการวางตนเสมอต้นเสมอปลาย สม่ำเสมอ หมายถึง การวางตนได้เหมาะสม มีความหมาย 2 ประการ คือ (1) วางตนได้เหมาะสมกับฐานะที่ตนมีอยู่ในสังคม เช่น เป็นหัวหน้าครอบครัว เป็นบิดามารดา เป็นครูอาจารย์ เป็นเพื่อนบ้าน เป็นต้น ตนอยู่ในฐานะอะไรก็วางตนให้เหมาะสมกับฐานะที่เป็นอยู่ และทำได้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย ............(2) ปฏิบัติตนอย่างสม่ำเสมอต่อคนทั้งหลาย ให้ความเสมอภาค ไม่เอารัดเอาเปรียบผู้อื่น เสมอในสุขและทุกข์ เราเคยวางตัวกับคนอื่นในทางที่ดีอย่างไร เราก็ยังคงปฏิบัตัอย่างนั้นไม่เปลี่ยนแปลง
ซึ่งพอจะสรุปประโยชน์ของสังคหวัตถุ 4ได้ดังนี้ค่ะ
1. ช่วยให้บุคคลดำรงตนอยู่ได้ในสังคมด้วยความสุข
2. เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวน้ำใจ สมานไมตรีระหว่างกัน
3. เป็นเครื่องส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ให้มีความเคารพนับถือกันตามสมควรแก่ฐานะ
4. เป็นเครื่องประสานองค์ประกอบต่างๆ ของสังคมให้คงรูปอยู่และดำเนินไปได้ด้วยดี
5. ช่วยส่งเสริมศีลธรรมและป้องกันความประพฤติเสื่อมเสียในสังคม
เพื่อนๆก็คงพอเข้าใจถึงพุทธวิธีการครองใจคนแล้วนะคะ .... เราเกิดมาไม่ได้อยู่คนเดียวค่ะ อยู่ร่วมกันเป็นสังคม ก็เป็นธรรมดาอาจมีกระทบกระแทกกันบ้าง .... แต่ถ้าเราเริ่มต้นปรับปรุงที่ตัวเรา มีน้ำใจกับผู้อื่น รู้จักการให้ การใช้คำพูดที่ไพเราะ ทำตัวให้เป็นประโยชน์ และมีความเสมอต้นเสมอปลาย เชื่อได้แน่ค่ะว่า เราจะต้องเป้นที่รักของคนอื่นๆ และเมื่อทุกๆคน ยึดถือปฏิบัติในสังคหวัตถุ4 กันแล้ว สังคมเราก็จะเป็นสังคมที่น่าอยู่ ทุกคนรักกัน และอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขค่ะ
ทักทาย
แม่หมอขอแนะนำตัวเองก่อนเลยนะคะ ก็เป็นผู้หญิงธรรมด๊าธรรมดาคนนึง อาจดูเหมือนเป็นสาวมั่นที่ลุ๊คดู เปรี้ยวไปบ้างเล็กน้อย ..... ส่วนใหญ่วันๆ ก็ทำงาน หาเงิน (แล้วก็อยากรวย) ว่างๆก็ใช้เงิน หาเงิน วนเวียนอยู่กับเงิน อยู่กับงาน อยู่กับครอบครัว ชีวิตหมดไปอย่างงี้แหละค่ะทุกๆวัน ..... แล้วมาวันนึงก็ให้รู้สึก เหนื่อยกับชีวิต บางครั้งก็คิดว่า เอ๊ะทำไมคนนั้นต้องทำกับเราอย่าง นี้ คนนี้ต้องทำกับเราอย่างนั้นด้วย รึทำไมน๊าถึงซวยอย่างนี้ และอื่นๆอีกมากมาย .....คราวนี้ก็มาลองคิดดู คิดไปคิดมาก็ให้รู้สึกเหมือนตัวเองไม่ค่อยมีความสุขเท่าไหร่ แต่คงเป็นโชคดีที่ตัวเองเป็นคนชอบอ่าน วันนึงก็เลยลองหยิบหนังสือแนว ธรรมะขึ้นมาอ่าน(กะอ่านเล่นๆ)... แล้วก็เริ่มเห็นจริงในบางเรื่อง ....แล้วก็เริ่มเอามาปรับใช้ในชีวิตจริง ..... สุดท้ายศรัทธาก็เกิดและชีวิตก็มีความสุขขึ้นตามลำดับ ......... แม่หมอคิดว่า คนเราเลือกที่จะมีความสุขได้นะคะ อยู่ที่เราจะเลือกรึเปล่า และกฎแห่งกรรมก็มีจริงค่ะอาจช้าไปบ้าง เร็วไปบ้าง แต่มีจริงแน่นอนค่ะ ..... ศาสนาพุทธเป็นศาสนาแห่งปรัชญา เป็นศาสนาที่เน้นแนวคิด.... บางครั้งเราอาจคิดว่าห่างไกลกับชีวิตประจำ วันของเรา หรือ บางคนอาจคิดว่าวัยยังไม่ถึงยังไม่แก่ซะหน่อย ....แต่ไม่ลองไม่รู้ค่ะ แม่หมอเลยอยากชวนเพื่อนๆให้มาเริ่มศึกษาธรรมะไปพร้อมๆกับแม่หมอ เราจะเดินไปด้วยกันสู่เส้นทางสายธรรมเพื่อความสุขที่เราเลือกจะมีค่ะ
แม่หมอขอแนะนำตัวเองก่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น