เรียนรู้ธรรมะไปกับแม่หมอ วันนี้จะพาเพื่อนๆมารู้จักคำที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างมาก นั่นก็คือคำว่าอบายมุข ซึ่งแปลว่า ทางแห่งความฉิบหาย ทางแห่งความเสื่อม สาเหตุให้ถึงความเสื่อม ........ อันเป็นเหตุสำคัญในการทำให้สูญเสียเงินทองทรัพย์สมบัติสุขภาพ สติปัญญา รวมถึงชีวิตก็อาจสูญเสียไปจากการมัวเมา ลุ่มหลงอบายมุขทั้งหลาย ...... อบายมุขเป็นกรรมฝ่ายอกุศลกรรม คือ กรรมที่เป็นอกุศล การกระทำชั่ว การกระทำไม่ดี อันเป็นเหตุให้เกิดทุกข์
การเรียนรู้เรื่องอบายมุขเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อให้เกิดความเข้าใจผลแห่งการปฏิบัติชั่ว มัวเมาอยู่กับอบายมุขทั้งหลาย ละเลิกจากความชั่วทั้งหลายทั้งปวงอันเป็นเหตุของทุกข์ การที่หลงมัวเมาอยู่กับอบายมุข ตรงกับพุทธศาสนสุภาษิตว่า เห็นกงจักรเป็นดอกบัว คือ การเห็นในสิ่งที่ชั่วว่าเป็นสิ่งดี เมื่อเรียนรู้หลักกรรมและอบายมุขแล้ว
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกรคฤหบดีบุตร อริยสาวกละกรรมกิเลสทั้ง ๔ ได้แล้ว ไม่ทำบาปกรรมโดยฐานะ ๔ และไม่เสพทางเสื่อมแห่งโภคะ ๖ อริยสาวกนั้นเป็นผู้ ปราศจากกรรมอันลามก ๑๔ อย่างนี้แล้ว ย่อมเป็นผู้ปกปิดทิศ ๖ ย่อมปฏิบัติเพื่อ ชำนะโลกทั้งสอง และเป็นอันอริยสาวกนั้นปรารภแล้ว ทั้งโลกนี้และโลกหน้า เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก อริยสาวกนั้นย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ฯ อริยสาวกย่อมไม่เสพทางเสื่อมแห่งโภคะ ๖ เป็นไฉน ดูกร คฤหบดีบุตร การประกอบเนืองๆ ซึ่งการดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่ง ความประมาท เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ การประกอบเนืองๆ ซึ่งการ เที่ยวไปในตรอกต่างๆ ในกลางคืน เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ การเที่ยว ดูมหรสพเป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ การประกอบเนืองๆ ซึ่งการพนันอัน เป็นที่ตั้งแห่งความประมาท เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ การประกอบ เนืองๆ ซึ่งการคบคนชั่วเป็นมิตร เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ การประกอบ เนืองๆ ซึ่งความเกียจคร้าน เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ ฯ
อบายมุข มี 2 หมวด คือ อบายมุข 4 อบายมุข 6
อบายมุข 4 ได้แก่เป็นนักเลงหญิง เป็นนักเลงสุรา เป็นนักเลงการพนัน และคบคนชั่วเป็นมิตร
1. เป็นนักเลงหญิง ผู้ที่ทำอะไรเป็นประจำหรือทำบ่อยๆ ผู้นิยมชมชอบในทางนั้นๆ เช่น นักเลงกลอน นักเลงการพนัน นักเลงหญิง นักเลงหญิง หมายถึง ชายที่นิยมชมชอบ หรือพอใจในการคลุกคลีกับหญิง คบผู้หญิงโดยไม่เลือกว่าเป็นใคร สำส่อนกับผู้หญิงทุกจำพวก
2. เป็นนักเลงสุรา สิ่งของมึนเมาหรือสิ่งเสพย์ติดต่างๆ เช่น ฝิ่น เฮโรอีน กัญชา บุหรี่ เหล้า เบียร์ สิ่งเสพย์ติดเหล่านี้จะทำให้ร่างกายไม่เจริญเติบโตยังจะเป็นบ่อเกิดแห่งโรคต่างๆ อีกมากมาย
3. เป็นนักเลงการพนัน การพนันมีหลายประเภทและสามารถพนันกันได้ทุกอย่างสำหรับผู้ชอบการพนัน เช่น โป ถั่ว ไพ่ ชนไก่ กัดปลา ม้า มวย เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ทำให้เสียเวลาในการทำมาหากินโดยสุจริต เบียดเบียนตนและผู้อื่น สร้างนิสัยให้เป็นคนมักได้ไม่ปรารถนาลงทุนลงแรงทำงานให้เป็นล่ำเป็นสัน อันเป็นประโยชน์แก่ตนเองและสังคม
4. คบคนชั่วเป็นมิตร เพราะคนชั่วย่อมชักนำไปในทางที่ชั่ว เช่นชักชวนเป็นนักเลงประเภทต่างๆ คือ นักเลงหญิง นักเลงสุรา นักเลงพนัน นักเลงหัวไม้ เหล่านี้แต่ละอย่างล้วนเป็นปากทางแห่งความเสื่อมทั้งสิ้น สุภาษิตโบราณท่านว่า คบคนดีเป็นศรีแก่ตัว คบคนชั่วอัปราชัย
อบายมุข 6 ช่องทางของความเสื่อม ทางแห่งความพินาศ เหตุย่อยยับแห่งโภคทรัพย์ ได้แก่ ดื่มน้ำเมา เที่ยวกลางคืน เที่ยวดูการเล่น เล่นการพนัน คบคนชั่วเป็นมิตร และเกียจคร้านการทำงาน
ติดสุราและของมึนเมา มีโทษ 6 อย่าง คือ
1.ความเสื่อมทรัพย์อันผู้ดื่มพึงเห็นเอง
2.ก่อการทะเลาะวิวาท
3.เป็นบ่อเกิดแห่งโรค
4.เป็นเหตุเสียชื่อเสียง
5.เป็นเหตุไม่รู้จักละอาย
6.ทอนกำลังปัญญา
ชอบเที่ยวกลางคืน มีโทษ 6 อย่าง คือ
1.ผู้นั้นชื่อว่าไม่คุ้มครอง ไม่รักษาตัว
2.ผู้นั้นชื่อว่าไม่คุ้มครอง ไม่รักษาบุตรภรรยา
3.ผู้นั้นชื่อว่าไม่รักษาทรัพย์สมบัติ
4.ผู้นั้นเป็นที่ระแวงของคนอื่น
5.คำพูดอันไม่เป็นจริงในที่นั้นๆ ย่อมปรากฏในผู้นั้น
6.อันเหตุแห่งทุกข์เป็นอันมากแวดล้อม
ชอบเที่ยวดูการละเล่น มีโทษ โดยการงานเสื่อมเสียเพราะใจกังวลคอยคิดจ้อง กับเสียเวลาเมื่อไปดูสิ่งนั้นๆ ทั้ง 6 กรณี คือ
1.รำที่ไหนไปที่นั่น
2.ขับร้องที่ไหนไปที่นั่น
3.ดนตรีที่ไหนไปที่นั่น
4.เสภาที่ไหนไปที่นั่น
5.เพลงที่ไหนไปที่นั่น
6.เถิดเทิงที่ไหนไปที่นั่น
ติดการพนัน มีโทษ 6 อย่าง คือ
1.ผู้ชนะย่อมก่อเวร
2.ผู้แพ้ย่อมเสียดายทรัพย์ที่เสียไป
3.ความเสื่อมทรัพย์ในปัจจุบัน
4.ถ้อยคำของคนเล่นการพนัน ซึ่งไปพูดในที่ประชุมฟังไม่ขึ้น
5.ถูกมิตรอมาตย์หมิ่นประมาท
6.ไม่มีใครประสงค์จะแต่งงานด้วย เพราะเห็นว่า ชายนักเลงเล่นการพนันไม่สามารถจะเลี้ยงภรรยา
คบคนชั่ว มีโทษ โดยนำให้กลายไปเป็นคนชั่วอย่างคนที่ตนคบทั้ง 6 ประเภท คือ
1.นำให้เป็นนักเลงการพนัน
2.นำให้เป็นนักเลงเจ้าชู้
3.นำให้เป็นนักเลงเหล้า
4.นำให้เป็นคนลวงผู้อื่นด้วยของปลอม
5.นำให้เป็นคนโกงเขาซึ่งหน้า
6.นำให้เป็นคนหัวไม้
เกียจคร้านการงาน มีโทษ โดยทำให้ยกเหตุต่างๆ เป็นข้ออ้างผัดเพี้ยนไม่ทำการงาน โภคะใหม่ก็ไม่เกิด โภคะที่มีอยู่ก็หมดสิ้นไป คือให้อ้างไปทั้ง 6 กรณี คือ
1.หนาวนักแล้วไม่ทำการงาน
2.ร้อนนักแล้วไม่ทำการงาน
3.เย็นไปแล้วไม่ทำการงาน
4.ยังเช้านักแล้วไม่ทำการงาน
5.หิวนักแล้วไม่ทำการงาน
6.อิ่มนักแล้วไม่ทำการงาน
ทักทาย
แม่หมอขอแนะนำตัวเองก่อนเลยนะคะ ก็เป็นผู้หญิงธรรมด๊าธรรมดาคนนึง อาจดูเหมือนเป็นสาวมั่นที่ลุ๊คดู เปรี้ยวไปบ้างเล็กน้อย ..... ส่วนใหญ่วันๆ ก็ทำงาน หาเงิน (แล้วก็อยากรวย) ว่างๆก็ใช้เงิน หาเงิน วนเวียนอยู่กับเงิน อยู่กับงาน อยู่กับครอบครัว ชีวิตหมดไปอย่างงี้แหละค่ะทุกๆวัน ..... แล้วมาวันนึงก็ให้รู้สึก เหนื่อยกับชีวิต บางครั้งก็คิดว่า เอ๊ะทำไมคนนั้นต้องทำกับเราอย่าง นี้ คนนี้ต้องทำกับเราอย่างนั้นด้วย รึทำไมน๊าถึงซวยอย่างนี้ และอื่นๆอีกมากมาย .....คราวนี้ก็มาลองคิดดู คิดไปคิดมาก็ให้รู้สึกเหมือนตัวเองไม่ค่อยมีความสุขเท่าไหร่ แต่คงเป็นโชคดีที่ตัวเองเป็นคนชอบอ่าน วันนึงก็เลยลองหยิบหนังสือแนว ธรรมะขึ้นมาอ่าน(กะอ่านเล่นๆ)... แล้วก็เริ่มเห็นจริงในบางเรื่อง ....แล้วก็เริ่มเอามาปรับใช้ในชีวิตจริง ..... สุดท้ายศรัทธาก็เกิดและชีวิตก็มีความสุขขึ้นตามลำดับ ......... แม่หมอคิดว่า คนเราเลือกที่จะมีความสุขได้นะคะ อยู่ที่เราจะเลือกรึเปล่า และกฎแห่งกรรมก็มีจริงค่ะอาจช้าไปบ้าง เร็วไปบ้าง แต่มีจริงแน่นอนค่ะ ..... ศาสนาพุทธเป็นศาสนาแห่งปรัชญา เป็นศาสนาที่เน้นแนวคิด.... บางครั้งเราอาจคิดว่าห่างไกลกับชีวิตประจำ วันของเรา หรือ บางคนอาจคิดว่าวัยยังไม่ถึงยังไม่แก่ซะหน่อย ....แต่ไม่ลองไม่รู้ค่ะ แม่หมอเลยอยากชวนเพื่อนๆให้มาเริ่มศึกษาธรรมะไปพร้อมๆกับแม่หมอ เราจะเดินไปด้วยกันสู่เส้นทางสายธรรมเพื่อความสุขที่เราเลือกจะมีค่ะ
แม่หมอขอแนะนำตัวเองก่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น