หลวงปู่แหวน มีอาเป็นพระชื่อพระอาจารย์อ้วน ซึ่งได้นำตัวท่านไปถวายให้เป็นศิษย์ของพระอาจารย์สิงห์ ขนังตยาคโน ณ วัดบ้านสร้างถ่อ อำเภอกษมสีมา จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งพระอาจารย์สิงห์ก็ได้ถ่ายทอดความรู้ตลอดจนข้อวัตรปฎิบัติทั้งหมดให้..... หลวงปู่แหวนเมื่อมีอายุครบบวช ได้อุปสมบทที่วัดสร้างถ่อนอก บวชในฝ่ายมหานิกาย ได้ศึกษาธรรมวินัย ธรรมปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นผู้รอบรู้ทั้งปริยัติธรรมตลอดจนถึงวิชาอาคมอย่างกว้างขวาง .........
หลวงปู่แหวนได้ออกเดินทางธุดงค์ไปตามที่ต่างๆ เพื่อแสวงหาโมขธรรม ผู้ที่หลวงปู่แหวนสนิทสนมด้วยเป็นพิเศษ และได้คบหากันต่อมาก็คือ หลวงปู่ตื้อ อาจลธรรมโม ซึ่งเป็นผู้ชักนำให้ไปพบพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต...คำแรกที่หลวงปู่มั่นสั่งสอนก็คือ "ต่อไปนี้ให้ภาวนา ความรู้ที่เรียนมา ให้เอาใส่ตู้ไว้ก่อน" ...... หลวงปู่แหวนได้พบและฟังธรรมจากพระอาจารย์มั่น บังเกิดความซาบซึ้ง และทราบว่าเป็นทางแห่งการแสวงหาธรรมตามที่ประสงค์ ..... และต่อมาได้เดินทางธุดงค์ไปกับหลวงปู่ตื้อ โดยเดินทางไปจากภาคอีสานไปสู่ประเทศลาว เขมร เวียดนาม พม่า จนกระทั่งทะลุผ่านกลับสู่ประเทศไทย ทางจังหวัดแม่ฮ่องสอน แล้วกลับมาสู่อีสานแล้ว ต่อมาอีกไม่นาน หลวงปู่แหวนได้พบพระอาจารย์มั่นอีกครั้ง ...... พร้อมทั้งได้ขอรับเป็นพระสงฆ์ในฝ่ายธรรมยุติกนิกาย โดยมีท่านเจ้าคุณพระอุมาลีคุณปมาจารย์เป็นพระอุปัชฌาย์
หลวงปู่แหวน ได้ออกธุดงคกรรมฐานหาความวิเวกตามป่าเขาลำเนาไพร..... มีเรื่องเล่ามากมายในการที่หลวงปู่ได้เจอะเจอกับอสูรกาย ผีเปรต..... หรือเรื่องราวที่เจอกับหญิงลาวที่เคยมีคนทำนายทายทักว่าเป็นเนื้อคู่ โดยท่านต้องใช้อุบายธรรมทั้งทางกายและใจโดยใช้การพิจรณากายคตาสติเข้าข่วย ....ต่อมาหลวงปู่แหวนได้ธุดงค์ขึ้นเหนือ ท่านไม่เคยไปจำพรรษาที่ภาคอื่นเลย เพราะอากาศทางภาคเหนือสัปปายะสำหรับท่าน ......จวบจนท่านได้พบวัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ และได้ทำการพัฒนาจนเจริญรุ่งเรือง จนเป็นที่รู้จักแก่คนทั่วไปถึงทุกวันนี้......
หลวงปู่แหวน เป็นผู้เปี่ยมด้วยเมตตาบารมีธรรม เป็นปูชนียบุคคล ชาวพุทธให้ความเคารพสักการะอย่างมาก เมตตาบารมีธรรมของท่าน ยังผลให้กุลบุตรกุลธิดาใฝ่ใจในการปฏิบัติธรรม สืบสร้างความมั่นคงให้แก่พระศาสนา ทำให้เกิดมีการก่อสร้างสิ่งที่เป็นสาธารณประโยชน์ เช่น โรงพยาบาล วัด อาคาร ท่านได้อำนวยคุณประโยชน์ต่าง ๆ แก่สังคมสืบมาจนถึงปัจจุบัน
หลวงปู่แหวนได้มรณภาพลงที่วัดดอยแม่ปั๋ง เมื่อวันที่ 2 ก.ค.2528 สิริอายุ 98 ปี
คำสอนหลวงปู่แหวน
"อดีตก็เป็นทำเมา อนาคตก็เป็นทำเมา จิตดิ่งอยู่ในปัจจุบัน รู้อยู่ในปัจจุบัน ละอยู่ในปัจจุบันนี้จึงเป็นพุทโธ เป็นธัมโม ปัจจุบันก็พอแล้ว อดีต และอนาคตไม่ต้องคำนึงถึง เกิด แก่ เจ็บ ตาย วัน คืน เดือน ปี สิ้นไป หมดไป อายุเราก็หมดไป สิ้นไป หมั่นบำเพ็ญจิต บำเพ็ญทาน รักษาศีล ภาวนาต่อไป"
"การต่อสู้กามกิเลสเป็นสงครามอันยิ่งใหญ่ กามกิเลสนี้ร้ายนัก มันมาทุกทิศทาง ความพอใจก็คือกิเลส ความไม่พอใจก็คือกามกิเลส กามกิเลสนี้อุปมาเหมือนแม่น้ำ ธารน้ำน้อยใหญ่ไม่มีประมาณ ไหลลงสู่ทะเล ไม่มีที่เต็ม ฉันใดก็ดี กามตัณหาที่ไม่พอดี ภวตัณหา วิภวตัณหา เป็นแหล่งก่อทุกข์ ก่อความเดือดร้อนไม่มีที่สิ้นสุด ทั้งหมดอยู่ที่ใจ สุขก็อยู่ที่ใจ ทุกข์ก็อยู่ที่ใจ ใจนี่แหละคือตัวเหตุ ทำความพอใจให้อยู่ที่ใจนี่"
"กามตัณหา เปรียบเหมือนแม่น้ำไหลไปสู่ทะเล ไม่รู้จักเต็มสักที อันนี้ฉันใด ความอยากของตัณหามันไม่พอ ต้องทำความพอจึงจะดี เราจะต้องทำใจให้ผ่องใส ตั้งอยู่ในศีล ตั้งอยู่ในทาน ตั้งอยู่ในธรรม ตั้งอยู่ในสมาธิก็ดี ทุกอย่างเราทำความพอดี ความพอใจก็นำออกเสีย ความไม่พอใจก็นำออกเสีย เวลานี้เราจะพักจิต ทำกายของเรา ทำใจของเราให้รู้แจ้งในกายในใจของเรานี้ รู้ความเป็นมา วางให้หมด วางอารมณ์ วางอดีตอนาคตทั้งปวงที่ใจนี่แหละ คนเรามันรักสุข เกลียดทุกข์นี่ หนักก็หนักอยู่ตรงนี้แหละ ไม่รับความจริง"
"เราเกิดมา นินทาสรรเสริญก็ดี อย่าไปรับเอามาหมักไว้ในใจ ปล่อยผ่านไปเสีย ความรัก ความชัง ความโลภ ความหลง เกิดขึ้นก็เพราะกิเลสมันเสวนากันอยู่ จาโค ปฏินิสฺสคฺโค สละคืนถอนออกจากใจนี้เสีย"
"ของเก่าปกปิดความจริง ตัดอดีต อนาคตลงให้หมด จิตดิ่งอยู่ในปัจจุบัน รู้ในปัจจุบัน ละในปัจจุบัน ทำในปัจจุบัน แจ้งอยู่ในปัจจุบัน ไม่มีสติ ไม่มีปัญญา ไม่มีความเพียร ไม่มีความสำเร็จ"
"แก่นของธรรมแท้อยู่ที่สติ ให้พากันหัดทำสติให้ดี ให้สำเหนียก ให้แก่กล้า สตินะทำเท่าไรก็ไม่ผิด เมื่อมีกำลังสติดีแล้วจิตมันจึงรวม เพราะสติก็แม่น (คือ) จิตนั่นแหละ เพราะเหตุนั้นพวกเราต้องอบรมสติ ครั้นมีสติแก่กล้า ทำให้มันดีแล้ว ไม่พลาด ทำก็ไม่พลาด พูดก็ไม่พลาด คิดก็ไม่พลาด "
"เรื่องเหล่านี้มันเป็นเพราะจริตของแต่ละบุคคล นิสัยมันต่างกัน พระพุทธเจ้าก็บอกไว้หมดละ จริตของคนที่มีราคะมากให้อาศัยพิจารณาอสุภะอสุภัง ให้เห็นความเปื่อยเน่า จะอิดหนาระอาใจเบื่อหน่าย ถอนจากความกำหนัดได้ แก้โทสะให้มีเมตตา แผ่เมตตาบ่อยๆ มากๆ ยืน เดิน นั่ง นอน มันก็อ่อนลงเอง แก้โมหะความหลงให้ใช้ปัญญาพิจารณาไตร่ตรองชำระจิต"
จำได้ว่าตอนเด็กๆๆๆเคยไปไหว้หลวงปู่แหวนที่ดอยแม่ปั๋ง คนมาหาท่านมาก ทั่วฟ้าเมืองไทย ยังจำท่านได้ พร้อมกับคำสอนของท่าน เป็นคำสอนที่ดีมาก ยังจำได้เลยคะแม้จะผ่านมา30กว่าปีแล้วนะคะ ขอบคุณมาก แม่หมอ หาสิ่งดีๆๆมาให้ตลอด ขอบคุณคะ
ตอบลบพระสายวัดป่า มีความวิริยะอุตสาหะสูง และเน้นการปฏิบัติ แม่หมออ่านประวัติแต่ละองค์ ก็ให้รู้สึกว่าความสำเร็จเกิดได้ด้วยความพยายาม และธรรมะเป็นสิ่งที่ดีงาม ยึดเป็นแนวทางในการใช้ชีวิตได้เสมอค่ะ
ตอบลบ