ธรรมะน่ารู้วันนี้ แม่หมอขอพาเพื่อนๆไปสัมผัสกับหัวข้อธรรมะที่เป็นหนทางสู่ความสำเร็จ นั่นคือ อิทธิบาท 4 นั่นเองค่ะ .... ตอนเด็กๆพวกเราทุกคนคงเคยเรียนในวิชาศีลธรรมตอนประถมกันมาแล้วนะคะ และก็อาจท่องจำกันไปตามประสาเด็กๆ ว่าอิทธิบาท 4 ประกอบด้วย ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา .... แต่จะมีซักกี่คนที่ทำความเข้าใจธรรมะหัวข้อนี้อย่างจริงจัง และนำหลักธรรมอิทธิบาท4ไปปรับใช้กับชีวิตจริง ..... เพราะในความเป็นจริงของชีวิตในสังคมเรา จะไม่ใช่ทุกคนที่ประสบความสำเร็จในสิ่งที่ทำนะคะ........ อิทธิบาท 4 เป็นหลักธรรมะเกี่ยวกับหนทางสู่ความสำเร็จ ซึ่งจะช่วยเพื่อนๆได้สำหรับผู้ที่กำลังมองหาหลักในการที่จะทำสิ่งต่างๆในชีวิตให้ประสบความสำเร็จได้ค่ะ ....
เราลองมาทำความเข้าใจกันดูอีกทีนะคะ ในแต่ละหัวข้อของอิทธิบาท 4 .... แล้วลองถามตัวเองในแต่ละหัวข้อว่านะคะเราได้ทำหรือยัง และเราน่าจะปรับปรุงในแต่ละประเด็นหรือไม่อย่างไร ถ้าเราอยากจะประสบความสำเร็จค่ะ
1. ฉันทะ คือ ความพอใจ
ความต้องการที่จะทำ รักจะทำสิ่งนั้นอยู่เสมอ และปรารถนาจะทำให้ได้ผลดียิ่งๆขึ้นไป........ หัวใจข้อแรกที่จะทำอะไรก็ตามให้ประสบความสำเร็จ ต้องทำด้วยใจรัก หรือพอใจที่จะทำนะคะ .......หากเราทำงานหรือทำสิ่งใดก็ตามด้วยความไม่อยากทำ หรือฝืนใจทำ โอกาสประสบความสำเร็จอาจมีไม่มากนะคะ ..... ซึ่งจริงๆแล้ว การที่เรามีความชอบงานด้านใด แล้วมุ่งไปในเส้นทางนั้น แม้ว่างานนั้นอาจมีอุปสรรค หรือปัญหาอยู่บ้าง แต่ด้วยฉันทะ หรือความพอใจ ก็จะทำให้เรามีพลังในการฟันฝ่าอุปสรรคต่อไปได้ค่ะ
2. วิริยะ คือ ความเพียร
ความขยันหมั่นประกอบสิ่งนั้นด้วยความพยายาม เข้มแข็ง อดทน ไม่ท้อถอย.... หัวใจข้อที่2ของการประสบความสำเร็จในสิ่งที่ทำก็คือ ความขยัน อุตสาหะ หมั่นฝึกฝนให้เกิดความชำนาญ.... คุณภาพ และปริมาณงานก็จะเพิ่มขึ้นได้ตามความพากเพียรหรือวิริยะนั่นเองค่ะ ....แต่หากเรามีแต่ความพอใจในสิ่งที่ทำ แต่ไม่ขยันทำ ไม่พากเพียรทำ โอกาสสำเร็จก็จะเกิดขึ้นยากเช่นกันค่ะ.... แต่วิริยะนั้นจะเกิดขึ้นได้ก็ต้องเริ่มที่ความพอใจหรือฉันทะในงานนั้นก่อนนะคะ
3. จิตตะ คือ ความเอาใจใส่ ฝักใฝ่
เป็นการตั้งจิตรับรู้ในสิ่งที่ทำ ทำสิ่งนั้นด้วยความคิดเอาจิตฝักใฝ่ ไม่ปล่อยใจให้ฟุ้งซ่านเลื่อนลอยไปทางอื่น จิตใจจะต้องจดจ่อกับงานที่ทำนั้นนะคะ ..... จิตตะเป็นธรรมะที่แสดงถึงสติ ความรอบคอบและความรับผิดชอบ ซึ่งจะต้องเป็นการทำงานโดยไม่วอกแวกไขว้เขวออกนอกทางที่กำลังทำอยุ่ค่ะ .... เพราะฉะนั้น หัวใจข้อที่3ของการทำงานให้สำเร็จได้นั้นก็คือ ความเอาใจใส่จดจ่อกับสิ่งที่ทำ หลังจากที่มี ฉันทะ และวิริยะแล้วค่ะ
4. วิมังสา คือ ความไตร่ตรองโดยใช้ปัญญา
เป็นการหมั่นใช้ปัญญา พิจารณาใคร่ครวญ ควรตตรวจตรางานของตัวเอง ทั้งที่ทำแล้วและยังไม่ได้ทำ หาเหตุผล และหาจุดอ่อนในสิ่งที่ทำไป มีการวางแผน วัดผล คิดค้นวิธีแก้ไขปรับปรุง .... วิมังสาเป็นหลักธรรมในส่วนของปัญญา การทำงานให้สำเร็จจะต้องทำงานด้วยปัญญา ด้วยสมองคิด ไตร่ตรอง ไม่ใช่สักแต่ว่าทำ ...... ควรต้องมีการทบทวน ไต่ตรองอันเป็นหัวใจข้อสุดท้ายของหลักธรรมสู่ความสำเร็จค่ะ
อิทธิบาท4 เป็นหลักธรรมะที่เป็นหนทางสู่ความสำเร็จ ที่คลาสสิคใช้ได้ทุกยุคทุกสมัยนะคะ ...... หากเรานำ อิทธิบาท 4 มาปรับใช้ในการทำงาน คือมีฉันทะ รักและพอใจกับงานที่ทำ .... วิริยะ ความขยันพากเพียรในการทำงาน.... จิตตะ ความใส่ใจ ฝักใฝ่รับผิดชอบในงาน .... และวิมังสา รู้จักไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนวางแผน วัดผลและหาวืธีปรับปรุงงานที่เราทำ ....ถ้าครบทั้ง4ข้อนี้ โอกาสที่เราจะประสบความสำเร็จย่อมมีสูงแน่นอนค่ะ เพื่อนๆลองนำไปปรับใช้กับชีวิตการทำงานดูนะคะ.... แม่หมอขอเป็นกำลังใจให้เพื่อนๆทุกคนประสบความสำเร็จค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น