ทักทาย

แม่หมอขอแนะนำตัวเองก่อนเลยนะคะ ก็เป็นผู้หญิงธรรมด๊าธรรมดาคนนึง อาจดูเหมือนเป็นสาวมั่นที่ลุ๊คดู เปรี้ยวไปบ้างเล็กน้อย ..... ส่วนใหญ่วันๆ ก็ทำงาน หาเงิน (แล้วก็อยากรวย) ว่างๆก็ใช้เงิน หาเงิน วนเวียนอยู่กับเงิน อยู่กับงาน อยู่กับครอบครัว ชีวิตหมดไปอย่างงี้แหละค่ะทุกๆวัน ..... แล้วมาวันนึงก็ให้รู้สึก เหนื่อยกับชีวิต บางครั้งก็คิดว่า เอ๊ะทำไมคนนั้นต้องทำกับเราอย่าง นี้ คนนี้ต้องทำกับเราอย่างนั้นด้วย รึทำไมน๊าถึงซวยอย่างนี้ และอื่นๆอีกมากมาย .....คราวนี้ก็มาลองคิดดู คิดไปคิดมาก็ให้รู้สึกเหมือนตัวเองไม่ค่อยมีความสุขเท่าไหร่ แต่คงเป็นโชคดีที่ตัวเองเป็นคนชอบอ่าน วันนึงก็เลยลองหยิบหนังสือแนว ธรรมะขึ้นมาอ่าน(กะอ่านเล่นๆ)... แล้วก็เริ่มเห็นจริงในบางเรื่อง ....แล้วก็เริ่มเอามาปรับใช้ในชีวิตจริง ..... สุดท้ายศรัทธาก็เกิดและชีวิตก็มีความสุขขึ้นตามลำดับ ......... แม่หมอคิดว่า คนเราเลือกที่จะมีความสุขได้นะคะ อยู่ที่เราจะเลือกรึเปล่า และกฎแห่งกรรมก็มีจริงค่ะอาจช้าไปบ้าง เร็วไปบ้าง แต่มีจริงแน่นอนค่ะ ..... ศาสนาพุทธเป็นศาสนาแห่งปรัชญา เป็นศาสนาที่เน้นแนวคิด.... บางครั้งเราอาจคิดว่าห่างไกลกับชีวิตประจำ วันของเรา หรือ บางคนอาจคิดว่าวัยยังไม่ถึงยังไม่แก่ซะหน่อย ....แต่ไม่ลองไม่รู้ค่ะ แม่หมอเลยอยากชวนเพื่อนๆให้มาเริ่มศึกษาธรรมะไปพร้อมๆกับแม่หมอ เราจะเดินไปด้วยกันสู่เส้นทางสายธรรมเพื่อความสุขที่เราเลือกจะมีค่



a

วันเสาร์

8 สัปดาห์หลังจากพระพุทธเจ้าตรัสรู้

เมื่อพระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์  โดยพระองค์ได้บำเพ็ญสมาธิให้เกิดในพระทัยด้วยวิธีที่เรียกว่าเข้าฌาน คือทำจิตให้เป็นสมาธิแน่วแน่ ไม่ฟุ้งซ่าน แล้วทรงบรรลุฌานก็คือปัญญา ความรู้แจ้ง .... หลังจากที่ทรงตรัสรู้ใหม่ๆ พระพุทธเจ้าทรงประทับเสวยวิมุตติสุข (ความสุขที่เกิดจากการหลุดพ้น) อยู่ตามสถานที่ต่างๆ

สัปดาห์แรก ....... พระองค์ประทับอยู่ที่โคนต้นโพธิ์ ทรงใช้เวลาตอนกลางคืนพิจรณาปฏิจจสมุปบาท จากต้นลงมาถึงที่สุด และจากที่สุดย้อนลงไปถึงต้น กลับไปกลับมาอยู่ตลอดคืน ....... ในยามแรก เวลา4ทุ่ม หลังจากที่ทรงพิจรณาแล้ง ทรงเปล่งเสียงอุทานว่า " เมื่อใดแล ธรรมทั้งหลายปรากฏแก่พราหมณ์ผู้เพียรเพ่งอยู่ เมื่อนั้นเขาย่อมหมดความสงสัย เพราะมาได้รู้ธรรมพร้อมทั้งเหตุ "..........  ในยามที่2 เวลาตี2 หลังจากพิจรณาแล้ว ทรงเปล่งอุทานว่า "เมื่อใดแล ธรรมทั้งหลาย ปรากฏแห่งพรามณ์ที่เพียรเพ่งอยู่ เมื่อนั้นเขาย่อมหมดความสงสัย เพราะมาได้รู้ความสิ้นไปแห่งปัจจัยทั้งหลาย"  ......... และในยามสุดท้าย เวลา6โมงเช้า หลังทรงพิจรณาแล้วทรงเปล่งเสียงอุทานว่า " เมื่อใดแลธรรมทั้งหลายปรากฏแก่พราหมณ์ที่เพียรเพ่งอยู่ เมื่อนั้นเขาย่อมกำจัดมาร และเสนามารได้สิ้นเหมือนพระอาทิตย์อุทัย(ทำลายความมืด) เกิดความสว่างไสวไปทั่วท้องฟ้า"

สัปดาห์ที่2...... ทรงออกจากโคนต้นโพธิ์ มาประทับยืนมองต้นโพธิ์และที่ประทับนั่งตรัสรู้ ........ แต่ก่อนที่จะประทับยืน พระองค์ทรงแสดงปาฏิหารย์เหาะขึ้นไปในอากาศ เนื่องจากเทวดาสงสัยว่าพระองค์ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าหรือยัง และแสดงยมกปาฏิหารย์ให้เทวดาทั้งหลายดู แล้วจึงเสด็จมายืนอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ต่อมาที่ประทับยืนนั้นเรียกว่า "อนิมิสเจดีย์"

สัปดาห์ที่ที่3 ...... พระองค์ทรงเสด็จจงกรมอยู่บนที่จงกรมแก้ว  ซึ่งอยู่ระหว่างที่ประทับนั่งกับที่ประทับยืน กว้างจากตะวันออกไปจรดตะวันตก ต่อมาสถานที่แห่งนี้มีชื่อเรียกว่า "รตนจงกรมเจดีย์"

สัปดาห์ที่4 ......พระองค์ทรงเสด็จไปประทับบนเรือนแก้วที่เหล่าเทวดานิมิตถวาย  อยู่ทางทิศตะวันตกของรตนจงกรมเจดีย์ ทรงพิจรณาปฏิจจสมุปบาทอยู่ตลอดทั้งสัปดาห์  ต่อมาสถานที่แห่งนั้นได้ชื่อว่า " รตนฆรเจดีย์"

สัปดาห์ที่5....... ทรงเสด็จไปประทับที่โคนต้นอชปาลนิโครธ(ต้นไทร)  ซึ่งอยู่เลยไปทางทิศตะวันออกของต้นโพธิ์  ... ตามปกติคนเลี้ยงแพะ(อชปาล)ชอบมานั่งเล่นหลบแดดที่เงาต้นไทรแห่งนี้ ต้นไทรจึงได้ชื่อว่า อชปาลนิโครธ ..... ขณะประทับอยู่ที่นั่น มีพราหมณ์คนหนึ่งเข้ามาเฝ้าและชวนสนทนาด้วย  พราหมณ์คนนี้ถือเอาสิ่งที่ตนเห็นแต่เช้าตรู่ว่าเป็นมงคล มีนิสัยถือตัว และมักโกรธ เวลาไม่พอใจใครมักส่งเสียง หุหุ ..... เขาได้ทูลถามพระพุทธเจ้าถึงเหตุที่ได้เป็นพราหมณ์  พระองค์ทรงเปล่งอุทานขึ้นมาว่า   " ไม่มีกิเลสเป็นเหตุให้เปล่งเสียง หุหุ  ไม่มีกิเลสดุจน้ำย้อม สำรวมตน  จบเวทด้วยการเกิดมรรคญาน อยู่จบพรหมจรรย์ ไม่มีกิเลสเป็นเหตุให้ฟูใจ " หลังจากสนทนาแล้ว พราหมณ์นันก็ทูลลาไป

สัปดาห์ที่6...... ทรงเสด็จไปประทับที่โคนต้นมุจลินท์ (ต้นจิก)  ซึ่งขณะนั้นมีฝนพรำติดต่อกันตลอดทั้งสัปดาห์  ที่ใกล้ต้นมุจลินท์มีสระโบกขรณี ซึ่งมีพญานาคตัวหนึ่งอาศัยอยู่มีฤทธิ์ เกรงว่าพระพุทธเจ้าจะหนาว จึงขึ้นมาจากสระโบกขรณี แล้วขดวนรอบพระองค์เป็นขนด7ชั้น พร้อมแผ่พังพานเหนือพระเศียร...... ครั้นผ่านสัปดาห์นั้นไป พญานาคเห็นว่าฝนหายแล้ว จึงคลายขนดแปลงร่างเป็นมาณพหนุ่มยืนเฝ้าพระพุทธเจ้าพร้อมทั้งประนมมือนมัสการด้วยความเคารพ .... พระพุทธเจ้าเห้นดังนั้น จึงทรงเปล่งเสียงอุทานว่า  " ความสงัด เป็นความสุขสำหรับผู้ที่สันโดดได้เห็นธรรมอย่างแจ้งประจักษ์  ความไม่เบียดเบียนกันเป็นสุขในโลก  การสำรวมระวังในสัตว์ทั้งหลายก็เป็นสุข  ความปราศจากความกำหนัดเป็นสุขในโลก  การล่วงพ้นกามทั้งหลายได้ก็เป็นสุข  การกำจัดความถือตัวว่าเรามีเราเป็นเสียได้ เป็นความสุขยิ่ง "  จากนั้นมาณพแปลงก็ทูลลาไป

สัปดาห์ที่7..... พบอุบาสกคู่แรก  พระองค์ทรงเสด็จไปประทับที่โคนต้นราชายตนะ (ต้นเกด) ซึ่งอยู่ทางทิศใต้ของต้นโพธิ์ .... พระอินทร์ลงมาเฝ้าถวายผลสมอให้เสวยเป็นยาระบาย .... แล้วตอนสายของวันนั้นเองก็มีพ่อค้า2พี่น้อง คือตปุสสะ กับ ภัลลิกะ ซึ่งพากองเกวียน500เล่ม บรรทุกสินค้าจากอุกกลชนบทไปค้าขายตามเมืองต่างๆในแคว้นมคธได่ผ่านมาทางนั้น เทวดาที่เคยเป็นญาติกันมาแต่อดีตชาติได้บันดาลให้เกวียนหยุดลง แล้วปรากฏกายแจ้งข่าวเรื่องพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นในโลกให้ทราบ พร้อมทั้งแนะนำให้ถวายอาหารแด่พระองค์ ....... พ่อค้า2พี่น้องได้ทำตามที่เทวดาบอก ได้นำข้าวสัตตุก้อน สัตตุผง เข้าไปถวาย ในครั้งแรกพระพุทธเจ้าไม่ทรงรับเพราะไม่มีบาตร ต่อมาเมื่อท้าวมหาราชทั้ง4 นำบาตรศิลามาถวายจึงทรงใช้บาตรนั้นรับอาหารมาเสวย ..... ก่อนออกเดินทางต่อไป พ่อค้า2พี่น้อง ได้ประกาศตัวนับถือพระพุทธเจ้าและพระธรรมเป็นที่พึ่งตลอดชีวิต (ขณะนั้นยังไม่มีพระสงฆ์) และขอพระเกศาธาตของพระพุทธเจ้าไปบูชาด้วย .... พ่อค้า2พี่น้องจึงเป็นอุบาสกคู่แรกในพุทธศาสนา


สัปดาห์ที่8......... พระองค์ทรงเสด็จกลับไปประทับที่โคนต้นอชปาลนิโครธ  ทรงพิจรณาเห็นว่า ธรรมที่พระองค์ตรัสรู้มานั้นลึกซึ้งยิ่งนักยากที่ใครจะรู้ตามได้ ...... ท้าวสหัมบดีพรหมลงมาจากเทวโลกแล้วทูลอาราธนาให้พระองค์แสดงธรรม พระพุทธเจ้าทรงเกิดพระมหากรุณาธิคุณต่อสัตว์โลก ทรงเห็นสัตว์โลกเป็นเหมือนดอกบัว กล่าวคือ ..... สัตว์โลกบางจำพวกสามารถรู้ตามได้เร็วเหมือนดอกบัวที่โผล่พ้นน้ำ พอต้องแสงอาทิตย์ก็บาน ..... สัตว์โลกบางจำพวกสามารถรู้ตามได้ หากได้ฟังอธิบายขยายความเพิ่มอีกหน่อย เหมือนดอกบัวที่ขึ้นอยู่ปริ่มน้ำ วันรุ่งขึ้นก็จะโผล่และบานเมื่อต้องแสงอาทิตย์ ....... สัตว์โลกบางจำพวกสามารถรู้ตามได้แต่ต้องใช้เวลาสอนนาน เหมือนดอกบัวที่จะโผล่พ้นน้ำ แล้วบานในวันต่อๆไป ........ และสัตว์โลกบางจำพวกก็ไม่สามารถรับรู้ได้ เหมือนดอกบัวที่เพิ่งงอกซึ่งจะถูกปลาและเต่ากัดกินเป็นอาหาร ....... ครั้งทรงเห็นดังนี้แล้ว พระทัยก็น้อมไปในอันที่จะแสดงธรรมโปรดสัตว์โลก


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

-