หลังจากที่พระพุทธเจ้าเสด็จเข้าเมืองกบิลพัสดุ์และทรงแสดงธรรมเวชสันดรชาดกโปรดแก่ชาวเมือง และตรัสธรรมปาลชาดกโปรดพระบิดาและพระเจ้าแม่น้าปชาบดีจนได้บรรลุธรรมแล้ว ..... ทางสภาศากยวงศ์ ซึ่งเป็นกลุ่มพระญาติและเป็นสภาที่ร่วมปกครองเมือง กบิลพัสดุ์ที่มีพระเจ้าสุทโธทนะเป็นพระราชา ก็ได้ทูลเชิญพระพุทธเจ้าให้กลับขึ้นครองราชย์อีกครั้ง ...... ก่อนพระองค์จะทรงแสดงธรรม ทรงรับสั่งให้นำกุมาระนันทะและรูปนันทากุมารีผู้เกิดแต่พระเจ้าน้าปชาบดีให้เข้าเฝ้าอยู่ใกล้ที่ประทับท่ามกลางพระประยูรญาติ พร้อมทั้งสาวกผู้สำเร็จเป็นอรหันต์18องค์และยังไม่สำเร็จอีก10องค์ ครั้นแล้วจึงทรงแสดงธรรมดังนี้
บัณฑิตแต่โบราณกาลกล่าวถึงบุคคลไว้3ประเภท..... คือ1.ผู้มีปัญญา แต่ไม่มีความเมตตาปราณีใคร 2.ผู้มีปัญญาและมีความเมตตาปราณีซึ่งเป็นผู้เลิศ และ3.ผู้ที่ไม่มีทั้งสองอย่าง ... นันทะและรูปนันทายังเป็นผู้เยาว์ยังไม่มีปัญญา ตถาคตจักนำไปสู่ความรอบรู้ ไปสู่สิ่งที่บุคคลควรเห็นและควรรู้ ณ.บัดนี้
สิทธัตถพุทธะทรงหยิบบุปผชาติดอกหนึ่งซึ่งมีผู้นำมาบูชา...... แยกส่วนหนึ่งวางบนศรีษะของนันทะ อีกส่วนวางบนศรีษะของรูปนันทา และทรงอาศัยอำนาจของฌานสมาบัติบันดาลให้พระญาติทั้งหลายมองไม่เห็นร่างของพระองค์ สาวก ตลอดจนนันทะและรูปนันทา..... พระองค์ทรงแสดงให้นันทะ รูปนันทา และสาวกทั้งหลายได้มองเห็นโลกที่ไม่เคยเห็น ให้ได้ศึกษาความจริงของโลกทั้งหลายที่ยังไม่เคยได้ศึกษา แล้วมีพระราชดำรัสว่า โลกมีอยู่3ภูมิ โลกที่1เป็นโลกแห่งความเปลี่ยนแปลง โลกที่2 เป็นโลกแห่งการแสวงหาให้ได้มาซึ่งสติปัญญาอันลึกซึ้ง และโลกที่3 เป็นโลกแห่งธรรมกายและสัมโภคกาย
โลกแห่งการเปลี่ยนแปลงเป็นภูมิแห่งความทุกข์ ความยากแค้น..... มีนรกอยู่8ขุมมีสัตว์นาๆรูปร่างต่างกันเสวยทุกข์เพราะกระทำชั่วมาในภพก่อนๆ... โลกแห่งการแสวงหาให้ได้มาซึ่งสติปัญญาอันสูง คือภูมิแห่งความรื่นรมณ์ที่เรียกว่าสวรรค์รื่นเริงด้วยเสียงดนตรีเห่กล่อม.... ส่วนโลกอีกโลกหนึ่งเป็นภูมิแห่งธรรมกาย และสัมโภคกายเป็นที่ประทับของตถาคตและพุทธะทั้งหลาย ภูมินี้งดงามดั่งธารทองรื่นรมณ์ยิ่งกว่าภูมิใดๆ
ครั้นแล้วสิทธัตถะพุทธะก็ได้ออกจากอำนาจแห่งฌานอันประเสริฐ...... ยังพระญาติให้มองเห็นพระองค์ พระสาวก นันทะและรูปนันทา ซึ่งก้มลงวันทาต่อหน้าที่ประทับ ทูลรับพระธรรมและประกาศความเข้าใจในธรรม ซึ่งพระญาติทั้งหลายต่างก็พากันประหลาดใจ .... สิทธัตถพุทธะจึงกล่าวต่อว่า แม้นันทะและรูปนันทาจะได้รับรู้ความจริงเกี่ยวกับโลกทั้ง3แล้วแต่เพียงได้เห็นการณ์นั้นอาจเป็นภาพลวงให้หลง ความจำเป็นของการได้ฟังและพิจรณาจึงมีอยู่ และถ้าพิจรณาแล้วเห็นตามภาพนั้นไซร้ ความรู้ได้ สติปัญญาที่เกิดก็จะเที่ยงตรงไม่โยกคลอน จึงทรงแสดงธรรมอีกวาระหนึ่งว่า
เราทั้งหลายผู้มีชีวิตเป็นมนุษย์ ชีวิตนั้นขึ้นอยู่กับการกำเนิด4 สมัยกาล......... วาระ1 กำเนิดที่เป็นรูปร่างประกอบขึ้นโดยอาศัยร่างของบิดามารดา.......... วาระ2 กำเนิดเป็นรูปร่างออกมาเป็นมนุษย์อยู่ในโลก ได้รับคุณลักษณะประจำ5ประการคือ เหตุ ผล ความสามารถสร้างความผูกพัน ความสามารถปฏิบัติตัว และความสามารถรอบรู้กฏแห่งเหตุและผล กำเนิดดังกล่าวเป็นไปโดยธรรมชาติอันก่อให้เกิดความทุกข์ และเป็นมูลฐานที่ทำให้บิดามารดากับบุตรธิดามีความเห็นขัดแย้งกัน บุตรธิดาพึงสำเหนียกว่าบิดามารดาต้องมีทุกข์หนักมาเพื่อเรา เราจักต้องกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อทดแทนความทุกข์ยากและความเมตตาของท่าน .......... วาระ3 เราเกิดมาอยู่กับครอบครัว อยู่ระหว่างคนทั้งหลาย ให้ทุกคนถือเสมือนว่า แผ่นดินคือบิดาเรา ผู้อยู่ร่วมกับเราคือมารดา เราต้องผูกพันกับความดี 5 ประการคือ ความเมตตากรุณา ความเที่ยงธรรม ความสงบเสงี่ยม ความขยันหมั่นเพียร และความซื่อสัตย์สุจริต........ วาระ4 สำคัญกว่าวาระอื่น ชีวิตเราถูกนำไปสู่ภูมิแห่งความสะอาด ภูมิแห่งสรวงสวรรค์ สวรรค์ นั้นคือบิดา มารดาเราคือตัวบัญญัติอันศักดิ์สิทธิ์....... ในวาระนี้เราต้องการปัญญา5ประการ คือ ปัญญาสามารถค้นคว้าทางสว่างจากธรรม ปัญญาสามารถผูกพันกับบัญญัติของมนุษย์ ปัญญาสามารถหาความรอบรู้อันแท้จริงปราศจากราคี สามารถเห็นภาพภายในไม่มีสิ่งลวงตา และปัญญาที่สามารถเข้าใจบัญญัติของมนุษย์ เข้าใจความสัมพันธ์และคุณลักษณะของบัญญัตินั้นๆ ..... ซึ่งคุณลักษณะนั้นจะเกิดกับผู้ใด ผู้นั้นต้องใช้ปัญญา ใช้การประกอบความดี และความทนทุกข์ได้ไม่ท้อถอย
บุคคลควรมีความเข้าใจในเรื่องผู้ให้กำเนิดว่า .... หญิงผู้มีหน้าที่เป็นมารดาและชายผู้มีหน้าที่เป็นบิดา โดยความผูกพันระหว่างบิดามารดาจึงกำเนิดเป็นผล ผู้ใดไม่ยอมรับความเป็นบิดามารดาของผู้ให้กำเนิดผู้นั้นเป้นสัตว์ป่า เป็นอสูรกาย เป็นท่อนไม้ และก้อนดินเพียงก้อนหนึ่ง
ผู้ถือกำเนิดมีอยู่4ประเภทคือ..... 1. บุตรธิดาผู้เป็นโพธิสัตว์ ปราถนาเพื่อช่วยเลือผู้อื่นให้พ้นทุกข์ อุบัติมาเพื่อรับผลแห่งความดีที่กระทำไว้ร่วมกับความดีที่บิดามารดาได้ทำ รู้คุณค่าของรัตนตรัย ..... 2. เคารพนับถือเชื่อฟังผู้ให้กำเนิดตน ช่วยให้ครอบครัวมีสุข สมบัติเพิ่มพูน......... 3.บิดามารดาได้รับความโทมนัสจากบุตรธิดาที่เกิดมาอ่อนแอ มีแต่ความเจ็บไข้ ต้องทุ่มเทกำลังรักษาพยาบาลให้บุตรธิดาพ้นทุกข์ทรมาน..... 4. บุตรธิดาที่เกิดมาเป็นโจรไม่เคารพเชื่อฟังบิดามารดา ทรยศต่อครูบาอาจารย์ยิ่งเติบดตยิ่งดื้อรั้นร ชอบประพฤติชั่วกระทั่งตัวตาย
มีทางที่บุตรธิดาจะปฏิบัติต่อบิดามารดาได้ เบื้องแรกคือ...... การรับรู้ความเมตตากรุณาของบิดาและมารดา ..... ขั้นต่อไปคือทำตัวเป็นคนดีของแผ่นดินที่ตนอาศัยเกิดมา ..... มีเมตตากรุณาช่วยเหลือผู้ยากจน .....เคารพกราบไหว้ผู้ที่ควรเคารพบูชา ..... ปฏิบัติตนเป็นคนดีด้วยวิธีมัธยัสถ์ ..... ช่วยสั่งสอนคนทั้งหลายผู้เห็นผิดเป็นชอบ แนะผู้กระทำชั่วให้กลับเป็นคนดี.... เป็นการเพิ่มพูนให้เกิดความดีเป็นสันตติตลอดไป ด้วยว่าความดีที่ทำนั้นเป็นไปเพื่อคนหมู่ใหญ่ หาใช่เพื่อตนไม่ ในที่สุดจะส่งผลให้ผู้ปฏิบัติได้บรรลุธรรม บรรลุพุทธภาวะ แล้วตนเองจะมั่นคง ไม่มีอำนาจใดมาโยกคลอนได้
สิทธัตถพุทธะมีดำรัสแก่นันทะว่าธรรมที่ทรงแสดงมาเป็นธรรมแก่ผู้ที่จะรับตำแหน่งรัชทายาทครองราชย์ต่อพระองค์ในเวลาต่อไป ..... และพระองค์ทรงรับสั่งต่อนันทะว่า เธอมีฐานะเป็นทายาทจะได้รับราชสมบัติเป้นกษัตริย์ของชาวศากยะแทนพระชนกแห่งเรา จงเป็นผู้มีขันติธรรม ขยันหมั่นเพียร แสดงความเมตตากรุณาแก่พสกนิกร เป็นการตอบแทนความเมตตาที่พระชนกและเจ้าแม่น้าได้มีแก่เธอ..... ตัวตถาคตเองจะพยายามแจกแจงธรรม ช่วยเหลือผู้ถูกอวิชชาครอบงำ ข้อนี้คือความมุ่งหมายของตถาคต ในชีวิตมิได้ปราถนาสมบัติใดเลย
การที่พระพุทธเจ้าทรงโปรดพระญาติศากยวงศ์ ครั้งนี้มีเหตุการณ์สำคัญด้วยกัน3อย่างคือ..... พระเจ่้าสุทโธทนะประกาศมอบตำแหน่งรัชทายาทให้นันทะกุมาร พระเจ้าแม่น้าปชาบดีประกาศศรัทธาถวายผ้ากาสาวพัสตร์ผืนใหญ่เนื้อดีแด่พระพุทธเจ้า และพระพุทธเจ้าแสดงธรรมได้ยังพระทัยของพระชนกและพระเจ้าแม่น้าให้เข้าถึงไตรสรณคมน์....... และเมื่อถึงสมัยอันควร พระพุทธเจ้าได้เสด็จไปกระทำสักการะต่อที่ฝังอัฐิของพระนางมหามายาพุทธมารดาต่อไป
ทักทาย
แม่หมอขอแนะนำตัวเองก่อนเลยนะคะ ก็เป็นผู้หญิงธรรมด๊าธรรมดาคนนึง อาจดูเหมือนเป็นสาวมั่นที่ลุ๊คดู เปรี้ยวไปบ้างเล็กน้อย ..... ส่วนใหญ่วันๆ ก็ทำงาน หาเงิน (แล้วก็อยากรวย) ว่างๆก็ใช้เงิน หาเงิน วนเวียนอยู่กับเงิน อยู่กับงาน อยู่กับครอบครัว ชีวิตหมดไปอย่างงี้แหละค่ะทุกๆวัน ..... แล้วมาวันนึงก็ให้รู้สึก เหนื่อยกับชีวิต บางครั้งก็คิดว่า เอ๊ะทำไมคนนั้นต้องทำกับเราอย่าง นี้ คนนี้ต้องทำกับเราอย่างนั้นด้วย รึทำไมน๊าถึงซวยอย่างนี้ และอื่นๆอีกมากมาย .....คราวนี้ก็มาลองคิดดู คิดไปคิดมาก็ให้รู้สึกเหมือนตัวเองไม่ค่อยมีความสุขเท่าไหร่ แต่คงเป็นโชคดีที่ตัวเองเป็นคนชอบอ่าน วันนึงก็เลยลองหยิบหนังสือแนว ธรรมะขึ้นมาอ่าน(กะอ่านเล่นๆ)... แล้วก็เริ่มเห็นจริงในบางเรื่อง ....แล้วก็เริ่มเอามาปรับใช้ในชีวิตจริง ..... สุดท้ายศรัทธาก็เกิดและชีวิตก็มีความสุขขึ้นตามลำดับ ......... แม่หมอคิดว่า คนเราเลือกที่จะมีความสุขได้นะคะ อยู่ที่เราจะเลือกรึเปล่า และกฎแห่งกรรมก็มีจริงค่ะอาจช้าไปบ้าง เร็วไปบ้าง แต่มีจริงแน่นอนค่ะ ..... ศาสนาพุทธเป็นศาสนาแห่งปรัชญา เป็นศาสนาที่เน้นแนวคิด.... บางครั้งเราอาจคิดว่าห่างไกลกับชีวิตประจำ วันของเรา หรือ บางคนอาจคิดว่าวัยยังไม่ถึงยังไม่แก่ซะหน่อย ....แต่ไม่ลองไม่รู้ค่ะ แม่หมอเลยอยากชวนเพื่อนๆให้มาเริ่มศึกษาธรรมะไปพร้อมๆกับแม่หมอ เราจะเดินไปด้วยกันสู่เส้นทางสายธรรมเพื่อความสุขที่เราเลือกจะมีค่ะ
แม่หมอขอแนะนำตัวเองก่
วันอาทิตย์
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น