แม่หมอเกริ่นไว้ตั้งแต่ตอนชวนเพื่อนๆให้มาเริ่มต้นเรียนรู้ธรรมะ ว่าเราจะเริ่มกันที่คำว่าธรรมชาติ ( ของโลกใบนี้) โดยเริ่มที่หลักธรรมที่เป็นแก่นของธรรมชาติ แก่นของความเป็นจริง ผ่านไป2เรื่องแล้วนะคะ ก็คือ ไตรลักษณ์3 และปฏิจจสมุปบาท12 ก็เรียกว่ามึนตึ๊บไปพอสมควร(รึเปล่าคะ)..... มาถึงเรื่องสุดท้าย ก่อนที่เราจะไปศึกษาสิ่งที่พระพุทธเจ้าครัสรู้และใช้ปฐมเทศนา (อริยสัจ4)..... เราควรจะรู้ธรรมชาติของโลกในประเด็นสุดท้ายก่อนนั่นก็คือ...... เรื่องขันธ์5 หรือธรรมะว่าด้วยส่วนประกอบของมนุษย์นั่นเองค่ะ.....
ขันธ์5 คือสภาพ5ส่วนที่ประกอบกันเป็นสรรพสิ่งต่างๆในธรรมชาติ ได้แก่ รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาน ..... ซึ่งรูปหมายถึงสิ่งที่จับต้องได้ ส่วน4อันหลังหมายถึงนาม หรือสิ่งที่จับต้องไม่ได้ เป็นความรู้สึกนึกคิดค่ะ ... นั่นก็คือทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของขันธ์5 คนจะมีครบทั้ง5ขันธ์ วัตถุสิ่งของต่างๆจะมีเพียงรูปก็คือมีเพียง1ขันธ์ .... ในบางสิ่งที่จิคที่ยังมีอกุศลกรรมอยู่มาก เช่นเปรต ดวงวิญญานที่ล่องลอย สัตว์เดรฉาน ไม่มีร่างกาย ไม่มีรูป ก็จะมีไม่ครบทั้ง5ขันธ์ .... เช่นเดียวกับบางสิ่งที่จิตมีกุศลกรรมสูง เช่นเทวดาหรือพระพรหมในพรหมโลก ก็จะไม่มีร่างกายเช่นเดียวกัน ก็จะไม่ครบ5ขันธ์ค่ะ....
มนุษย์จึงเป็นสิ่งเดียวที่มีองค์ประกอบครบ5ขันธ์ทั้งรูปขันธ์และนามขันธ์ ...... มีจิตสำนึกชั่วดีอยู่ในตัวตนของตัวเอง มีความสามารถที่จะประกอบกุศลกรรมดีให้หลุดพ้นไปสู่นิพพานได้ .... เราทุกคนจึงน่าจะเห็นคุณค่าของการได้เกิดมาบนโลกใบนี้นะคะ และควรใช้โอกาสที่ได้เกิดมาประกอบกุศลกรรมกันให้มากๆค่ะ..... ว่าไปแล้วขันธ์5 ก็เป็นส่วนหนึ่งในปฏิจจสมุปบาท12นั่นเองนะคะ เรามาดูรายละเอียดแต่ละขันธ์กันดีกว่าค่ะ....
ขันธ์ที่1 รูปขันธ์ หมายถึงร่างกาย หรือส่วนที่เป็นวัตถุทั้งหลาย รวมถึงพลังงานทางกายภาพทั้งหมด อันได้แก่ สสาร แสง เสียง กลิ่น รส ความเย็น ความร้อน ความอ่อน ความแข็ง ความหย่อน ความตึง อาการเคลื่อนไหวของสิ่งต่างๆ ช่องว่างต่างๆ อากาศ ดิน น้ำ ลม ไฟ สภาพความเป็นหญิง เป็นชาย อาการแห่งการเกิดขึ้น และเสื่อมไปของวัตถุทั้งหลาย
ขันธ์ที่2 เวทนาขันธ์ หมายถึงความรู้สึก เป็นระบบจิตที่เกี่ยวกับ ความรู้สึกสุขทางกาย ทุกข์ทางกาย สุขทางใจ(โสมนัส) ทุกข์ทางใจ(โทมนัส) เป็นกลางไม่รู้สึกสุขหรือทุกข์(อุเบกขา หรือ อทุกขมสุขเวทนา) ความรู้สึกอึดอัดขัดข้อง ความรู้สึกโปร่งโล่งสบาย รวมไปถึงอารมณ์ทั้งหลายที่เกิดขึ้น เช่น รัก เกลียด ชิงชัง โลภ โกรธ หลง อาฆาต พยาบาท เมตตา กรุณา ยินดี
ขันธ์ที่3 สัญญาขันธ์ หมายถึงความจำ เป็นระบบจิตเกี่ยวกับความจำทั้งหลายที่สามารถจดจำได้ และรู้ว่าสิ่งที่จำได้นั้นคืออะไร เป็นระบบของความจำและกระบวนการแปลสิ่งที่รับรู้ว่าเป็นอะไร มีความหมายอย่างไร
ขันธ์ที่4 สังขารขันธ์ หมายถึงการปรุงแต่ง เป็นความรู้สึกนึกคิดที่ปรุงแต่งขึ้นมา เป็นระบบจิตที่เป็นที่รวมของเจตสิก(กระบวนการทางสมองที่มีวิชชาและอวิชชาเป็นตัวกำหนด) เป็นส่วนของความรู้สึกนึกคิด วินิจฉัยสั่งการ อันก่อให้เกิดพลังขับเคลื่อนพฤติกรรมของชีวิตทั้งพลังฝ่ายดี และพลังฝ่ายร้าย
ขันธ์ที่5 วิญญานขันธ์ หมายถึงการรับรู้ เป็นระบบจิตที่เกี่ยวข้องกับการรับรู้ ที่ผ่านทางประสาทสัมผัสทั้ง5 ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ (อายตนะภายใน หรือสฬายตนะ หรือเครื่องรับรู้) โดยมีสิ่งที่่รับรู้หรือ อายตะภายนอกคือ รูป กลิ่น เสียง รส สัมผัส การนึกคิด วิญญานขันธ์เป็นระบบการรับรู้เพื่อส่งต่อไปยังขันธ์อื่นที่เกี่ยวข้อง
สรุปแล้ว สรรพสิ่งทั้งหลายในอนันตจักรวาลจแยกออกได้เป็น3ส่วน คือ รูปขันธ์ นามขันธ์(ขันธ์ที่2-5) และนิพพาน (สภาวะที่พ้นจากรูปขันธ์ นามขันธ์ทั้งปวง ภาวะจิตที่พ้นจากความยึดมั่นผูกพันธ์สิ่งทั้งปวง) นั่นเองค่ะ....
เรียนรู้ธรรมะไปกับแม่หมอก็ขอจบ introduction ธรรมะเบื้องต้นที่เริ่มต้นศึกษาจาก definition หรือความหมายของธรรมะ ที่มาจากคำว่าธรรมชาติไว้ตรงนี้นะคะ ..... ก้าวแรก เราก็จะเริ่มเข้าใจธรรมชาติของโลกกลมๆใบนี้แล้วว่า
ข้อ1) มีความจริงอยู่3อย่างบนโลกนี้ คือ ความไม่แน่นอน สภาวะภาพรวมที่เป็นทุกข์ และความไม่มีตัวตน ทุกอย่างย่อมเสื่อมสลายไปตามกาลเวลา (กฏของไตรลักษณ์3) .... แท้จริงแล้วโลกใบนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ภายใต้การเคลื่อนไหวของธรรมชาติแบบพลวัต และคนเราได้สมมุติสิ่งต่างๆขึ้นมาให้มันเป็นไป ทั้งที่จริงมันคือความว่างเปล่า เพียงแต่กระแสธรรมชาติได้นำพาให้ทุกอย่างดูเหมือนผันแปรเปลี่ยนไปตลอดเวลา .....
ข้อที่2) ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ มีที่มาและที่ไป มีเหตุและผลในตัวเอง (ปฏิจจสมุปบาท ) ทำให้เรายังต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่........
ข้อที่3) ส่วนแประกอบของสรรพสิ่งบนโลกนี้ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของขันธ์5 โดยมนุษย์เป็นสิ่งที่มีครบ5ขันธ์ทั้งรูปขันธ์และนามขันธ์ที่สามารถสร้างารรค์สิ่งดีๆที่เรียกว่ากุศลกรรมได้ .......
พุทธศาสนาได้สอนแนวทางที่ทำให้เราหลุดจากวงจรปฏิจจสมุปบาท โดยพระพุทธเจ้าได้นำอริยสัจ4 มาเป็นปฐมเทศนา ส่วนจะมีรายละเอียดเชิงลึกอย่างไร ติดตามได้ที่นี่ ..... เรียนรู้ธรรมะไปกับแม่หมอ ค่ะ....
ทักทาย
แม่หมอขอแนะนำตัวเองก่อนเลยนะคะ ก็เป็นผู้หญิงธรรมด๊าธรรมดาคนนึง อาจดูเหมือนเป็นสาวมั่นที่ลุ๊คดู เปรี้ยวไปบ้างเล็กน้อย ..... ส่วนใหญ่วันๆ ก็ทำงาน หาเงิน (แล้วก็อยากรวย) ว่างๆก็ใช้เงิน หาเงิน วนเวียนอยู่กับเงิน อยู่กับงาน อยู่กับครอบครัว ชีวิตหมดไปอย่างงี้แหละค่ะทุกๆวัน ..... แล้วมาวันนึงก็ให้รู้สึก เหนื่อยกับชีวิต บางครั้งก็คิดว่า เอ๊ะทำไมคนนั้นต้องทำกับเราอย่าง นี้ คนนี้ต้องทำกับเราอย่างนั้นด้วย รึทำไมน๊าถึงซวยอย่างนี้ และอื่นๆอีกมากมาย .....คราวนี้ก็มาลองคิดดู คิดไปคิดมาก็ให้รู้สึกเหมือนตัวเองไม่ค่อยมีความสุขเท่าไหร่ แต่คงเป็นโชคดีที่ตัวเองเป็นคนชอบอ่าน วันนึงก็เลยลองหยิบหนังสือแนว ธรรมะขึ้นมาอ่าน(กะอ่านเล่นๆ)... แล้วก็เริ่มเห็นจริงในบางเรื่อง ....แล้วก็เริ่มเอามาปรับใช้ในชีวิตจริง ..... สุดท้ายศรัทธาก็เกิดและชีวิตก็มีความสุขขึ้นตามลำดับ ......... แม่หมอคิดว่า คนเราเลือกที่จะมีความสุขได้นะคะ อยู่ที่เราจะเลือกรึเปล่า และกฎแห่งกรรมก็มีจริงค่ะอาจช้าไปบ้าง เร็วไปบ้าง แต่มีจริงแน่นอนค่ะ ..... ศาสนาพุทธเป็นศาสนาแห่งปรัชญา เป็นศาสนาที่เน้นแนวคิด.... บางครั้งเราอาจคิดว่าห่างไกลกับชีวิตประจำ วันของเรา หรือ บางคนอาจคิดว่าวัยยังไม่ถึงยังไม่แก่ซะหน่อย ....แต่ไม่ลองไม่รู้ค่ะ แม่หมอเลยอยากชวนเพื่อนๆให้มาเริ่มศึกษาธรรมะไปพร้อมๆกับแม่หมอ เราจะเดินไปด้วยกันสู่เส้นทางสายธรรมเพื่อความสุขที่เราเลือกจะมีค่ะ
แม่หมอขอแนะนำตัวเองก่
สาระดีมาก ๆ ครับ แล้วผมจะติดตามต่อน่ะครับ สู้ๆๆๆๆ
ตอบลบขอบคุณมากมายเลยค่ะ กำลังใจมาเลยนะเนี่ย ขอบคุณอีกครั้งค่ะ
ตอบลบอ่านดูงงน่ะ ทำอะไรไม่เข้าใจเลย
ตอบลบดูดีน่ะ ได้ความรู้เพิ่มขึ้นดีเหมือนกันน่ะ
ตอบลบพอดีเป็นตอนที่4แล้วอะค่ะ เรื่องธรรมะอาจเข้าใจยากซะหน่อย ลองกลับไปอ่านตอน1-3ในรรมะน่ารู้ดูนะคะ
ตอบลบได้ลองติดตามดูเรื่อยน่ะ ก็พอจะเข้าใจดี ก็ถือว่าให้ประโยชน์และความรู้มากน่ะ
ตอบลบยังไม่มีอะไรใหม่ ๆ ให้อ่านบ้างหรือ
ตอบลบ