เรียนรู้ธรรมะไปกับแม่หมอวันนี้..... เลยอยากนำเสนอเพื่อนๆให้มาลองศึกษาและปฏิบัติในส่วนของศีล และทาน อย่างง่ายๆควบคู่กันไป.......เพื่อให้การฝึกสมาธิของเราเดินหน้าไปด้วยความมั่นคงและมีผลเป็นที่น่าพอใจนะคะ ....
ศีล คือข้อบัญญัติที่กำหนดขึ้นเพื่อให้กายวาจาอยู่ในความสุจริต เรียบร้อยดีงาม ควบคุมตนไม่ให้ไปกระทบกระทั่ง เบียดเบียนตนเองหรือผู้อื่น ... อย่างเราๆ เริ่มต้นกันที่ศีล5ก่อนแล้วกันนะคะ
ศีลข้อ1 ปาณาติปาตา เวรมณี เว้นจากการฆ่าสัตว์ ทำลายประทุษร้ายทั้งตนเองและผู้อื่น สัตว์อื่น
ศีลข้อ2 อทินนาทานา เวรมณี เว้นจากการลักทรัพย์ ถือเอาของที่คนอื่นไม่ได้ให้มาเป็นของตน คดโกง ละเมิดกรรมสิทธิ์ ทำลายทรัพย์สินของผู้อื่น
ศีลข้อ3 กาเมสุมิจฉาจา เวรมณี เว้นจากการประพฤติผิดในกาม ล่วงละเมิดในบุคคลและสิ่งอันเป็นที่รักหวงแหนของผู้อื่น รวมไปถึงการฝ่าฝืนกฏกติกาอันชอบธรรมของสังคม
ศีลข้อ4 มุสาวาทา เวรมณี เว้นจากการพูดเท็จ พูดโกหก หลอกลวง ทำลายสัจจะ
ศีลข้อที่5 สุราเมรยมัชชปมาทัฏฐานา เวรมณี เว้นจากของเมา ได้แก่สุราเมรัย อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท และสิ่งเสพติดให้โทษ
ไม่ยากเลยใช่มั๊ยคะ บางข้อเราอาจยังติดเป็นนิสัยอยู่ ....แต่ถ้าเราค่อยๆเปลี่ยนโดยยึดหลักไม่ทำให้ตัวเองและใครเดือดร้อน นึกถึงใจเค้าใจเรา ก็จะทำได้ไม่ยากค่ะ .... และอานิสงค์เบื้องต้นที่เราจะได้จากการถือศีล5ก็คือ เป็นที่รักของมนุษย์และสัตว์ เพราะเราไม่ได้เบียดเบียนใคร ... เป็นผู้ไม่สร้างกรรมชั่วใหม่ในปัจจุบัน....เป็นเหตุให้ถึงซึ่งสุคติไม่ไปเกิดในภพเดรฉาน.... เป็นเหตุให้บริบูรณ์ด้วยโภคทรัพย์เพราะไม่ได้สร้างอุปสรรคให้กับชีวิต..... และเป็นเเหตุให้เข้าถึง มรรค ผลนิพานได้ เพราะได้ไป3มรรคแล้วคือ สัมมาวาจา(เจรจาชอบ) สัมมากัมมันตะ(กระทำชอบ) และสัมมาอาชีวะ(เลี้ยงชีพชอบ)
คราวนี้มาดูที่ความหมายทานกันบ้าง หลักๆก็มี3อย่านะคะ
1. วัตถุทาน มี3ระดับ หินทาน(สิ่งที่ให้มีคุณค่าต่ำกว่าที่ใช้สอยบริโภค) มัชฌิมทาน(สิ่งที่ให้เสมอกับที่ตนเองบริโภคใช้สอย) อภิทาน (ให้สิ่งที่ดีกว่าตนใช้สอยบริโภค) อภิทานจะให้อานิสงค์มากสุด
ทานมีองค์ประกอบ2อย่างคือผู้ให้และผู้รับ ซึ่งก็ตั้งแต่ระดับ สัตว์เดียรัจฉาน มนุษย์ผู้ไม่มีศีล ผู้มีศีล พระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี พระอรหันต์ พระปัจเจกพุทธเจ้า พระสัพพัญญูพุทธเจ้า ...... และทานที่มีอานิสงค์สูงสุดคือสังฆทาน อันหมายถึงทานที่ให้เป็นกลางแก่พระสงฆ์4รูปขึ้นไปให้ความเห็นชอบเสียก่อน
2.อภัยทาน เพื่อสละออกซึ่งความโกรธ ความครุ่นแค้น ขุ่นเคือง อาฆาตพยาบาท ซึ่งมีหลักปฏิบัติ 3กรณี คือ รู้จักให้อภัยตนเอง ไม่จมอยู่กับอดีต .......รู้จักให้อภัยผู้อื่น ไม่อาฆาตพยาบาท ผูกเวรจองกรรม .... รู้จักที่จะขอภัยจากผู้อื่น ด้วยสำนึกสลดใจในสิ่งที่ทำผิดทำไม่ดีในอดีต
3.ธรรมทาน คือการให้ธรรมเป็นทานแก่ตนเองและผู้อื่น และเพื่อสละออกซึ่งความหลง ด้วยการเข้าหากัลยาณมิตร ผู้รู้ในธรรม รับคำแนะนำสั่งสอนเพื่อน้อมมาพัฒนาสติปัญญา
ทานนี่ก็ไม่ยากเหมือนกันใช่มั๊ยคะเพื่อนๆ ลองปฏิบัติกันกันดูนะคะ..... ทั้งศีลและทานเป็นสิ่งที่ดีถ้าเราถือปฏิบัติแล้ว แม่หมอเชื่อว่าสิ่งดีๆต้องเข้ามาในชีวิตเราแน่นอนค่ะ.... และก็เป็นเป็นการเตรียมความพร้อม เสริมรากฐานที่แข็งแรงสำหรับการเจริญสมาธิต่อไปด้วยนะคะ....
สมกับเป็นแม่หมอทุกเรื่องได้ดีจิงๆๆเลยคร้า ขอบคุณมาก
ตอบลบดีใจมากมายที่มีแฟนคลับตัวจริงเสียงจริงคอยติดตาม เป็นแรงใจให้แม่หมอที่จะเดินหน้าต่อไป ขอบคุณมากๆเลยค่ะ
ตอบลบผ่านมาเห็นเลยเข้ามาเยี่ยมชมและได้อ่านบทความด้านบนแล้ว วันนี้มีความรู้สึกชื่นชมแม่หมอจริงๆที่นำบทความดีๆมาเผยแพร่ให้คนทั่วๆไปได้อ่านกัน ขอบคุณ และขอชื่นชมอีกครั้งคับ
ตอบลบบรมสุข
ขอบคุณค่ะ
ตอบลบ