วัดสัมมานุสรณ์ ต.ผาน้อย อ.วังสะพุง จ.เลย
หลวงปู่ชอบ เป็นพระเถระที่สงบเสงี่ยม นิสัยอ่อนน้อมถ่อมตน ได้รับการยกย่องว่าเป็นพระภิกษุผู้รู้เห็นเรื่องภพภูมิ เทวดา ของสังสารวัฏอย่างเอกอุ หลวงปู่ชอบเป็นธรรมทายาทพุทธะที่เด่นด้านญานวิเศษภาวะทิพย์ต่อจากหลวงปู่มั่นเลยทีเดียว ......
หลวงปู่ชอบ เดิมชื่อ บ่อ แก้วสุวรรณ เกิดเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2444 ณ บ้านโคกมน ตำบลผาน้อย อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย .......... ชีวิตตอนเป็นเด็กของท่าน นับว่ามีภาระเกินวัยด้วยเกิดมาเป็นบุตรหัวปี ต้องมีหน้าที่ช่วยบิดามารดา ทำการงานในเรือกสวนไร่นา พร้อมทั้งต้องทำหน้าที่พี่ใหญ่ ดูแลน้องๆ หญิงชายทั้งสาม........หลวงปู่มีจิตโน้มน้าวไปสู่ธรรมตั้งแต่ยังเด็ก เมื่อท่านมีอายุได้ 14 ปี พระอาจารย์พาซึ่งเป็นศิษย์องค์หนึ่งของหลวงปู่มั่นได้ธุดงค์ไปปักกลด รุกขมูลอยู่ที่วัดบ้านตระครูแซ ใกล้บ้านท่าน ซึ่งพระอาจารย์พาเป็นพระที่มีจริยาวัตรที่นุ่มนวล และเคร่งครัดในธรรมวินัย คนในหมู่บ้านรวมทั้งมารดาและญาติผู้ใหญ่ของหลวงปู่จึงมีความเลื่อมใสศรัทธาพากันไปปรนนิบัติอุปัฏฐาก อยู่มิได้ขาด ตัวท่านเองก็พลอยติดตามโยมมารดาไปด้วย เมื่อพระอาจารย์พาเห็นนิสัย อันสงบเสงี่ยมเรียบร้อย ฝักใฝ่ในทางธรรมของเด็กชายน้อยผู้นี้ " จึงออกปากชวนไปบวชด้วย.....บวชกับเราไหม"เด็กชายน้อยก็ตอบคำเดียวสั้นๆ อย่างไม่ลังเลเยว่า"ชอบครับ"............. ในเวลาต่อมา ชื่อ "เด็กชายบ่อ" จึงกลายเป็น "เด็กชายชอบ" ตั้งแต่นั้นมา ......
หลวงปู่ชอบได้บวชเป็นสามเณรเมื่ออายุ19ปีและท่านมีอายุครบ 23 ปีบริบูรณ์ จึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ วัดสร่างโศกซึ่งปัจจุบันมีชื่อว่าวัดศรีธรรมาราม อำเภอเมืองยโสธร........ ท่านมิได้มีนิสัยสนใจทางการศึกษาด้านปริยัติธรรมมากนัก แม้การท่องปาฏิโมกข์นั้น ท่านใช้เวลาเรียนท่องถึง 7 ปี จึงจำได้หมด ..... ท่านดื่มด่ำในการภาวนามากท่านใช้คำบริกรรม "พุทโธ" อย่างเดียว มิได้ใช้ "อานาปานสติ" หรือกำหนดลมหายใจ เข้า-ออก ควบคู่กับพุทโธเลย สิ่งที่ไม่เคยเห็น ก็ได้เห็นสิ่งที่ไม่เคยรู้ ก็ได้รู้สิ่งที่เป็นของสาธารณแก่ปุถุชนธรรมดาก็กลับปรากฏขึ้น เป็นที่น่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง.....
หลวงปู่ชอบ เล่าว่า จิตของท่านรวมลงสู่ความสงบได้โดยง่ายมากและเกิดความรู้พิสดาร..... การนี้เริ่มปรากฏแก่ท่าน ตั้งแต่ขณะที่ท่านยังเป็นสามเณรอยู่ ท่านสามารถมองเห็นสิ่งต่างๆ ที่แปลกลึกลับได้ดีเกินกว่าสายตามนุษย์สามัญจะรู้เห็นได้ ได้ล่วงรู้ความคิดความนึกในจิตใจของผู้อื่น.....แรกๆ ท่านก็ทั้งตกใจ ทั้งประหลาดใจ แต่เมื่อเป็นมาระยะหนึ่งได้รู้ว่าอะไรคือความจริง อะไรคือภาพนิมิตก็ระงับสติได้ มีสติว่านี่เป็นเรื่องพิสดาร แต่ไม่ควรจะให้ความสนใจมากนัก......
หลวงปู่ชอบได้พยายามพากเพียรศึกษาปฏิบัติธรรมตามสถานที่ต่างๆ ในป่าดงพงไพรทั่วทุกของประเทศไทย รวมไปถึงข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้านอาทิ พม่า ลาว ....... ต่อมาได้ไปจำพรรษาร่วมกับหลวงปู่ขาวที่วัดหนองบัวบานเป็นเวลา 3 ปี ......นอกจากนี้ท่านยังมีความสัมพันธ์กับหลวงปู่หลุยวัดถ้ำผาบิ่ง อ.วังสะพุง มาโดยตลอด ท่านได้มีโอกาสพบกับหลวงปู่แหวนซึ่งเป็นคนเลยด้วยกัน ......ครั้นเมื่อหลวงปู่บวชได้ 4 ปี ได้มีโอกาสสนทนาธรรมกับหลวงปู่มั่น ที่นครพนม ได้มาฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่มั่น ได้นำคำสอนของหลวงปู่มั่นฝึกฝนปฏิบัติตลอดระยะเวลาที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ........... ในช่วงเวลาที่หลวงปู่ชอบออกธุดงควัตรไปตามที่ต่างๆไม่ว่าจะเป็นวัดหรือตามป่าเขา หลวงปู่พบกับความน่าตื่นเต้นปาฏิหาริย์มากมาย รวมทั้งการผจญภัย ไม่ว่าจะเป็นผีป่า รุกขเทวดา หรือว่าสัตว์ป่า
หลวงปู่ชอบได้สร้างวัดไว้มากมาย เป็นสถานบำเพ็ญภาวนาปฏิบัติธรรมหลายจังหวัด อาทิ จังหวัดเชียงใหม่ ศรีสะเกษ มุกดาหาร และประเทศลาว ที่วัดหลักกิโลที่ 136 เส้นทางไปเวียงจันทร์........ วัดที่หลวงปู่สร่างขึ้นส่วนใหญ่ จะตั้งขึ้นเป็นป่าช้าหรือในป่าลึก......... สำหรับที่จังหวัดเลย หลวงปู่ชอบได้สร้างวัดจำนวนทั้งสิ้น 8 แห่ง คือ วัดป่าห้วยลาด วัดป่าบ้านบง วัดป่าสานตม วัดป่าม่วงไข่ วัดป่าฐานสโม วัดปาโคกมนและวัดป่าสัมมานุสรณ์ .........
หลวงปู่ชอบ เป็นพระสายธุดงค์กรรมฐานที่เป็นศิษย์ของพระอาจารย์มั่น ....เป็นที่ยกย่องว่าเป็นศิษย์ที่สำคัญอีกรูปหนึ่ง ที่มีความเด็ดเดี่ยวกล้าหาญในด้านความเพียร มีนิสัยมักน้อย สันโดษ ชอบแสวงหาความวิเวกอยู่เป็นนิจ....... ข้อปฏิบัติและธรรมของหลวงปู่ชอบ เป็นที่ยอมรับจากบรรดาคณะศิษยานุศิษย์และพุทธศาสนิกชนทั่วไป หลวงปู่ชอบมักอบรมสั่งสอนพระภิกษุสามเณร ว่าแสวงหาที่สงัดวิเวก เร่งทำความเพียรถาวนาอย่างหนักอย่าประมาท ......
หลวงปู่ชอบ เป็นพระผู้เป็นที่รักยิ่งแห่งทวยเทพ ...... เทพเทวดานาคครุฑคนธรรพ์ปรไมไอศวร ฯลฯ ต่างล้วนมีความรักใคร่ศรัทธาในองค์หลวงปู่ชอบเป็นพิเศษ จนถึงขั้นมาคอยปกปักษ์รักษา หลวงปู่ชอบในหลายๆครั้งจนรอดพ้นภาวะคับขันได้อย่างน่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง......... ถึงขนาดที่แม้หลวงปู่เทศก์ เทสรังสี วัดหินหมากเป้ง ยังต้องออกปากปรารภว่า "เทวดารักท่านชอบมาก ว่าไปแล้ว เทวดาจะรักท่านชอบมากกว่าท่านพระอาจารย์มั่นเสียอีก .......
หลวงปู่ชอบ บรรลุธรรมที่ประเทศพม่า โดยหลังจากกลับมาจากพม่า ที่วัดห้วยน้ำรินได้มีการสนทนาธรรมกันระหว่างภิกษุ3รูปคือ หลวงปู่ชอบ หลวงปู่ขาวและหลวงปู่แหวน เมื่อหลวงปู่ขาวถามถึงการจำพรรษาที่พม่า หลวงปู่ชอบได้ตอบไปว่า .... การปฏิบัติมีแต่ทางก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ จนสุดหนทางที่ผมจะต้องเดินต่อไป ทุกวันนี้ ผมเหลืออยู่แต่ปัจจุบันเท่านั้น ไม่มีทางใดที่ผมต้องออกไปค้นหาอีก ไม่มีภาระอะไรเหลือให้ผมทำอีกแล้ว ภาระทั้งหมดถูกปลดวางลงแล้วไปจนหมดสิ้น ไม่มีเหลือให้แบกให้หามอีกต่อไป ผมมีปัญญาเป็นของตนแล้ว การเกิดของผม นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป เป็นอันว่ายุติไว้ในชาตินี้เท่านั้น ....
คำสอนหลวงปู่ชอบ
หลวงปู่มักจะเทศน์เรื่อง ไตรสรณคมน์หรือ ศีล 5 มากกว่าธรรมข้ออื่น ซึ่งดูเผินๆ เหมือนเป็นหญ้าปากคอก แต่ท่านว่านี่แหละคือ รากฐานของการบำเพ็ญเพียรภาวนา ถ้าไม่มีฐาน ไม่มีศีลรองรับ ก็ยากจะดำเนินความเพียรได้ เพราะ อาทิ สีลํ ปติฎฺฐา จ กลฺยาณญฺจ มาตฺกํ ปมุขํ สพฺพธมฺมานํ
ตสฺมา สีลํ วิโสธเย......... ศีลเป็นที่พึ่งเบื้องต้น เป็นมารดาของกัลยาณธรรมทั้งหลาย เป็นประมุขของธรรมทั่วไป เพราะฉะนั้นควรชำระศีลให้บริสุทธิ์
หลวงปู่จะเทศน์ เป็นวลีสั้นๆ ประโยคสั้นๆ แต่ก็เป็นธรรมที่ลึกซึ้ง ถ้าปฏิบัติได้ ปฏิบัติจริง ปฏิบัติถูก ปฏิบัติตรง ปฏิบัติชอบ และพิจารณาได้ พิจารณาจริง พิจารณาถูก พิจารณาตรง พิจารณาชอบ แน่นอน มรรคผลนั้นคงอยู่แค่เอื้อมนั่นเอง ........ บ่ ต้องดีใจ บ่ ต้องเสียใจ ดีก็ช่าง ร้ายก็ช่าง .........
เทศน์ที่สั้นที่สุด วาง พิจารณาตน วางตัวเจ้าของ จิตตะในอิทธิบาท 4 เอาใจใส่ มรณานุสฺสติ ให้พิจารณาความตาย... นั่งก็ตาย นอนก็ตาย ยืนก็ตาย เดินก็ตาย
หลวงปู่เตือนเสมอถึงภัย ๔ อย่างของพระกรรมฐาน ท่านสอนให้ศิษย์ของท่านควรระวัง......ระวังเหมือนถ้าเฮาจะลงไปในฮ้วงน้ำข้าม โอฆสงสารก็ต้องระวังภัย ๔ อย่างคือ คลื่น หนึ่ง จระเข้ หนึ่ง วังน้ำวน หนึ่ง ........ ความดื้อดึงไม่อดทนเชื่อฟังต่อโอวาทที่ครูบาอาจารย์พร่ำสอนแนะนำเปรียบด้วยภัย คือ คลื่น ............ ความเห็นแก่ปากแก่ท้อง เห็นแก่หลับแก่นอน ไม่บำเพ็ญเพียรเปรียบด้วยภัย คือ จระเข้ ........... กามคุณ ๕ อย่าง...รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส เปรียบด้วยภัย คือ วังน้ำวน ใครหลงติดกามคุณทั้ง5 นี้ ก็จะ “ติด” เหมือนลิงติดตัง อยู่ในวังน้ำวน และมีแต่จะถูกกระแสน้ำดูดจมลงอย่างไม่ต้องสงสัย ......... มาตุคาม ที่พระพุทธเจ้าสอนพระอานนท์ไว้ก่อนจะเสด็จปรินิพพานว่า ควรหลีกเลี่ยงไม่พบปะ ด้วย หากจำเป็นต้องพบปะก็ไม่ควรพูดด้วย หากจำเป็นต้องพูดด้วยก็ต้องพูด ด้วยความสำรวมมีสติ...ท่านเปรียบด้วยภัย คือ ปลาร้าย...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น